22 ปี โครงการทุนการศึกษากรุงไทยการไฟฟ้า
เด็กและเยาวชน คือ ทรัพยากรบุคคลที่จะเป็นกำลังสำคัญของการพัฒนาประเทศในอนาคต ซึ่งการจะสร้าง ‘คน’ ที่มีคุณภาพได้นั้น ‘การศึกษา’ นับเป็นรากฐานสำคัญในการหล่อหลอมและเติมเต็มศักยภาพให้กับเยาวชน อย่างไรก็ตามด้วยปัญหาความเหลื่อมล้ำ ทำให้เด็กบางคนขาดโอกาสในการเข้าถึงระบบการศึกษา นำมาสู่ปัญหาด้านสังคมและคุณภาพชีวิตที่ควรได้รับการแก้ไข
บริษัท กรุงไทยการไฟฟ้า จำกัด เล็งเห็นถึงความสำคัญของการลดความเหลื่อมล้ำจากความยากจน ด้วยการสร้างโอกาสทางการศึกษา เพื่อให้อนาคตของเยาวชนไทย สามารถสร้างประโยชน์ให้กับครอบครัว ท้องถิ่นและประเทศชาติ จึงได้จัดตั้ง ‘โครงการทุนการศึกษา บริษัท กรุงไทยการไฟฟ้า จำกัด’ ขึ้น ในปี พ.ศ. 2544 จากก้าวแรกถึงวันนี้ นับเป็นเวลากว่า 22 ปี ที่กรุงไทยการไฟฟ้า เดินหน้ามอบโอกาสทางการศึกษา เพื่อสร้างคนคุณภาพสู่ความยั่งยืนมาอย่างต่อเนื่อง
เพื่อส่งต่อแนวคิด ถ่ายทอดบทเรียนการทำงานเพื่อสังคม กรุงไทยการไฟฟ้าจึงจัดงานสำคัญ ‘22 ปี โครงการทุนการศึกษากรุงไทยการไฟฟ้า ส่งต่อแนวคิด สร้างคน สร้างนิเวศการเรียนรู้ที่ไม่สิ้นสุด’ โดยมี ศาสตราจารย์เกียรติคุณ นพ.เกษม วัฒนชัย องคมนตรี และที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ เป็นประธานกล่าวปาฐกถาพิเศษเปิดงาน พร้อมด้วยคุณศุภชัย สุทธิพงษ์ชัย, คุณสงวนศรี สุทธิพงษ์ชัย ผู้บริหารโครงการทุนกรุงไทยการไฟฟ้า คณะกรรมการ ผู้บริหารภาครัฐ ภาคเอกชน และองค์กรสำคัญด้านการพัฒนาการเรียนรู้ของเยาวชนระดับประเทศเข้าร่วมงาน ณ โรงแรมพูลแมน คิง เพาเวอร์ รางน้ำ เมื่อวันที่ 20 กันยายน ที่ผ่านมา
ศาสตราจารย์เกียรติคุณ นพ.เกษม วัฒนชัย กล่าวตอนหนึ่งว่า โครงการให้ทุนการศึกษาของกรุงไทยการไฟฟ้ามีลักษณะเฉพาะ ที่อาจจะเป็นบทเรียนต่อผู้ให้ทุนอื่นๆ โดยสิ่งสำคัญคือปณิธานหรือความตั้งใจที่อยากตอบแทนบุญคุณแผ่นดิน อยากตอบแทนบ้านเมืองผ่านการสร้างคนรุ่นใหม่ที่พร้อมสร้างประโยชน์กลับคืนสู่ชุมชนให้กับบ้านเมือง เป็นวิธีตอบแทนบุญคุณแผ่นดินที่มองไกลไปข้างหน้า แต่ไม่นึกเลยว่าหลังจากผ่านมา 22 ปี เราจะมีบทเรียนที่มีค่ามอบให้กับหน่วยงานที่ให้ทุนการศึกษาของภาครัฐ
อีกทั้งโครงการฯ มีเป้าหมายชัดเจน คือต้องทำให้นักเรียนทุนไม่มีภาระค่าเล่าเรียน ใช้เวลาที่เขาเรียน อบรมสั่งสอนให้เขามีโอกาสได้พบสิ่งดีงามทั้งในเรื่องของความเป็นไทย ศาสนา หรือสิ่งต่างๆ เพื่อเตรียมความพร้อมให้นักเรียนทุนเป็นบุคลากรคุณภาพต่อไป
“22 ปี เป็นเวลาที่ยาวนาน บ้านเมืองเปลี่ยนแปลงไปมาก จะเห็นว่ากิจกรรมที่เราทำให้นักเรียนทุนก็จะปรับเปลี่ยนไปตามบริบทของบ้านเมือง เพื่อให้ลูกหลานได้ก้าวทันกับการเปลี่ยนแปลง ซึ่งตรงนี้ต้องลงทุนลงแรง ลงความคิดไปเยอะมาก สิ่งนี้เองทำให้โครงการฯ ไม่เหมือนหน่วยให้ทุนอื่น ทั้งยังมีหน่วยจัดการที่มีประสิทธิภาพในการติดตามผล เพื่อให้ผู้รับทุนเข้าสู่ระบบการศึกษาจนกระทั่งจบการศึกษา รวมถึงการติดตามผลการกลับมารับผิดชอบชุมชน บ้านเมือง และประเทศต่อไป สิ่งนี้เองเป็นเครื่องชี้วัดของโครงการทุนการศึกษากรุงไทยการไฟฟ้า” องคมนตรี และที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ โครงการกรุงไทยการไฟฟ้า จำกัด กล่าว
คุณสงวนศรี สุทธิพงษ์ชัย ประธานคณะดำเนินงาน โครงการทุนการศึกษา บริษัท กรุงไทยการไฟฟ้า จำกัด กล่าวถึงความสำคัญในการจัดงานครั้งนี้ว่า กิจกรรมปัจฉิมนิเทศที่โครงการฯ จัดขึ้นในปีนี้ นอกจากจะเป็นการแสดงความยินดีกับนักเรียนทุนฯ ที่สำเร็จการศึกษาแล้ว ยังให้ความสำคัญกับคุณค่าของศิษย์เก่าที่สำเร็จการศึกษาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2544 เป็นต้นมา รวมทั้งเพื่อให้ศิษย์เก่า และนักเรียนทุนฯ ได้นำข้อคิดจากการรับฟังปาฐกถาไปใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อตนเองและประเทศชาติ
“ความร่วมมือและการส่งต่อครั้งนี้ จะสะท้อนปณิธานที่โครงการทุนการศึกษาฯ ได้เกิดขึ้นมานับตั้งแต่วันแรกว่า เราจะทิ้งประโยชน์ไว้แก่สังคม ประเทศ และโลกของเรา ซึ่ง ‘คน’ คือทรัพยากรสูงสุดที่มีค่า และการส่งต่อนี้ จะแทนความหมายของคำว่า ‘ยั่งยืน’ ที่ชัดเจนมากที่สุด
“ผลที่คาดว่าจะได้รับจากการจัดกิจกรรมในวันนี้ จะก่อให้เกิดการตั้งคำถามถึงการทำงานเพื่อสังคมอย่างแท้จริง และขยายผลความร่วมมือระหว่างองค์กร หน่วยงาน ที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาเยาวชน และจะประสานความร่วมมือเพื่อประโยชน์ส่วนรวมของประเทศ และเพื่อเปิดโลกทัศน์ให้กับศิษย์เก่า นักเรียนทุนฯ ปัจจุบัน ได้เรียนรู้แนวคิดใหม่ๆ และวิเคราะห์ถึงสิ่งที่เป็นประโยชน์ในโอกาสที่พวกเขาจะได้รับ และพวกเขาเหล่านี้จะเป็นผู้ที่กระทำ ‘การส่งต่อ’ ต่อไปในอนาคต” ประธานคณะดำเนินงาน โครงการทุนการศึกษา บริษัท กรุงไทยการไฟฟ้า จำกัด กล่าวทิ้งท้าย
นอกจากนี้ เพื่อให้เกิดการถอดบทเรียนสำคัญของการทำงานด้านการศึกษา ผศ.ดร.สราวุธ เวชกิจ อาจารย์ประจำคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล หัวหน้าทีมวิจัย โครงการทุนการศึกษา บริษัท กรุงไทยการไฟฟ้า จำกัด ได้นำเสนอผลลัพธ์งานวิจัยที่กรุงไทยการไฟฟ้าเดินหน้าทำงานเพื่อสังคมตั้งแต่วันแรก เพื่อเป็นโมเดลสำคัญแก่หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ผศ.ดร.สราวุธ เผยข้อมูลว่า ตลอดระยะเวลา 2-3 ปีที่ผ่านมา เด็กไทย 1 ใน 5 คน จะไม่ได้รับโอกาสทางการศึกษา ผลการศึกษาของกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษาเมื่อปี พ.ศ. 2561 รายงานว่า เหตุผลหลักของการด้อยโอกาสทางการศึกษา คือ ปัญหาความยากจน ซึ่งโครงการฯ นี้เข้ามามีส่วนช่วยอย่างมากในการสร้างโอกาสให้กลับคืนมา
ตัวเลขนักเรียนในโครงการฯ จำนวน 3,994 คน จากทั้ง 77 จังหวัด มีนักเรียนสำเร็จการศึกษาแล้วทั้งหมด 1,825 คน คาดการณ์ว่าในปี พ.ศ. 2569 จะมีนักเรียนนักศึกษาสำเร็จการศึกษาทั้งสิ้น 2,200 คน โดยแบ่งเป็นระดับอุดมศึกษาประมาณ 1,384 คน และอาชีวศึกษาประมาณ 441 คน ตลอดระยะเวลา 22 ปี ใช้งบประมาณไปแล้วกว่า 421 ล้านบาท
“ในบริบทของทุน แม้กองทุนจะก่อตั้งเมื่อปี พ.ศ. 2544 แต่ผู้บริหารมีประสบการณ์ในการให้ความช่วยเหลือทางการศึกษามาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2525 สร้างเด็กตั้งแต่อนุบาลจนเรียนจบ 25 คนก่อนหน้า ทำให้มีประสบการณ์ก่อนแล้วว่าการสร้างคนหนึ่งคนต้องทำอะไรบ้าง ไม่ใช่แค่ให้เงินแต่ต้องมีกิจกรรมอื่นเสริมเข้ามา โครงการนี้จึงดำเนินการด้วยผู้มีประสบการณ์และมีความตั้งใจอย่างยิ่ง
“ในเรื่องของปัจจัยนำเข้า ท่านมีเครือข่ายที่ดี มีการประสานงานกับคุณครู กับโรงเรียน ได้นักเรียนแล้วยังไม่พอ ท่านยังลงพื้นที่ด้วยตัวเอง ไปพูดคุยกับนักเรียน กับผู้ปกครองถึงเงื่อนไขในการรับทุนต่อไปจนจบ นี่คือความใส่ใจที่จะทำยังไงให้นักเรียนอยู่ในโครงการให้ได้
“สำหรับด้านกระบวนการ การดำเนินการทุกกิจกรรมของโครงการ มีการวางแผน มี Action Plan มีการเก็บข้อมูลและประมวลผล ปีถัดไปแก้ปัญหาจากปีที่แล้ว ทำอย่างนี้ตลอดทุกปี และสุดท้ายด้านผลผลิต ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกัน คือเด็กมีความตระหนัก นอกจากซาบซึ้งกับเรื่องของการได้รับเงินช่วยเหลือเพื่อการเรียนแล้ว เด็กยังมีความรู้สึกถึงความรู้ที่ได้ ความห่วงใยของผู้บริหาร รับรู้ได้ว่าท่านไม่ใช่เพียงแต่ให้เงิน แต่ท่านยังตั้งใจมากในการพัฒนา” ผศ.ดร.สราวุธเผย
เมื่อทราบถึงการดำเนินงานและผลลัพธ์ของการให้ทุนการศึกษา ก็ถึงเวลารับฟังเสียงความรู้สึกของผลผลิตนักเรียนทุนโครงการทุนการศึกษา บริษัท กรุงไทยการไฟฟ้า ผู้ที่ได้รับทุนจนจบการศึกษาและได้กลับไปพัฒนาชุมชนและบ้านเกิดของตนเอง ในเสวนาพิเศษ หัวข้อ “โอกาสการศึกษา…จุดเปลี่ยนชีวิต”
คุณอนุสรณ์ บุญมี ประธานวิสาหกิจ จังหวัดสุโขทัย และผู้ใหญ่บ้าน ได้เล่าประสบการณ์การได้รับทุนว่า เดิมทีครอบครัวยากจน เมื่อจบการศึกษาชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ตัดสินใจว่าจะไม่ศึกษาต่อ ทว่าได้รับโอกาสที่ยิ่งใหญ่จากกรุงไทยการไฟฟ้า ในการกลับเข้าสู่ระบบการศึกษาอีกครั้ง
“สิ่งที่กรุงไทยการไฟฟ้าลงทุนกับเด็กคนหนึ่ง โดยไม่ได้เอาการเรียนเก่งมาเป็นเกณฑ์ โอกาสในวันนั้น ทำให้เด็กที่ยากจนคนนี้ มีความรู้และสามารถกลับไปพัฒนาชุมชนตนเองได้”
ด้าน สพ.ญ.คัทลียา ต๊ะต่อม สัตวแพทย์ โรงพยาบาลสัตว์เศรษฐกิจ เผยความรู้สึกที่ได้รับทุนจากกรุงไทยการไฟฟ้าว่า รู้จักทุนนี้จากการแนะนำของคุณครูซึ่งเป็นอดีตนักเรียนทุน จึงเริ่มเขียนเรียงความเล่าประวัติพื้นเพของครอบครัว หลังจากประกาศผลได้เป็น 1 ใน 5 ของผู้ได้รับทุน ทำให้รู้สึกดีใจมากๆ เพราะทำให้เห็นโอกาสทางการเรียนรู้ที่ไปได้ไกลมากขึ้น
“ทุนการศึกษากรุงไทยการไฟฟ้า ได้มอบโอกาสทางการศึกษาให้กับแคทตั้งแต่ชั้น ม. 1 จนถึงระดับปริญญาตรี ซึ่งเป้าหมายชีวิตในตอนนี้ คือ พัฒนาตนเองให้เป็นบุคลากรคุณภาพ เพราะบทบาทหน้าที่ของเราสามารถใช้ความรู้เพื่อถ่ายทอด ส่งต่อ และสร้างผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพ พร้อมส่งแรงกระเพื่อมที่ทำให้สังคมน่าอยู่มากยิ่งขึ้น”
คุณรัตฤทธิ์ ประสมทรัพย์ เจ้าหน้าที่ Software Engineer บริษัท เอสซีบี เทคเอกซ์ จำกัด ได้ฝากถึงน้องๆ ที่กำลังมองหาโอกาสทางการศึกษาว่า อยากฝากถึงทุกคนที่กำลังมองหาโอกาสทางการศึกษา โดยตนเชื่อว่า การศึกษาที่แท้จริง คือ การพัฒนาชีวิตตนเองให้ดีขึ้น ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในห้องเรียน เราสามารถศึกษาได้ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นอินเทอร์เน็ต และการใช้ชีวิตประจำวัน ฯลฯ และตนอยากเป็นหนึ่งในกำลังใจให้คนอื่นๆ ที่อยากศึกษาพัฒนาตนเอง
“อยากขอบคุณ คุณแม่สงวนศรี คุณพ่อศุภชัย รวมถึงพี่โครงการฯ ทุกคนที่ได้มอบโอกาสนี้ให้ผม ไม่ใช่แค่โอกาสการศึกษา แต่มันคือโอกาสการใช้ชีวิตให้ดีขึ้น เราก็ไม่รู้จะตอบแทนยังไง นอกจากการเป็นคนดีของสังคมและเป็นหนึ่งในฟันเฟืองที่ช่วยพัฒนาประเทศให้ดีขึ้นต่อไป”
เพื่อตอกย้ำการสนับสนุนแนวคิดสร้างเครือข่ายของการพัฒนาเยาวชนให้กับประเทศอย่างยั่งยืน ผู้บริหารโครงการทุนการศึกษา คุณศุภชัย สุทธิพงษ์ชัย และคุณสงวนศรี สุทธิพงษ์ชัย พร้อมด้วย ผศ.ดร.อดิศร จันทรสุข คณบดีคณะวิทยาการเรียนรู้และศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เครือข่ายสำคัญของกรุงไทยการไฟฟ้า ได้ขึ้นเสวนา แลกเปลี่ยนความเห็นในหัวข้อ ‘นิเวศการเรียนรู้ที่ไม่สิ้นสุด’ ว่าก้าวจากนี้ของการทำงานเพื่อสังคมกรุงไทยการไฟฟ้า จะมีบทบาทอย่างไรต่อการส่งต่อแนวคิด และสนับสนุนภาคีเครือข่ายสำคัญที่เชื่อมต่อกับสังคม ช่วยให้ประเทศได้พัฒนาเยาวชน ซึ่งจะเป็นกำลังหลักที่สำคัญของประเทศ โดยมีคุณสุทธิชัย หยุ่น เป็นผู้ดำเนินรายการ
คุณศุภชัย สุทธิพงษ์ชัย เล่าย้อนกลับไปถึงจุดตั้งต้นเมื่อ 22 ปีที่แล้ว พร้อมเหตุผลที่ยังคงเดินหน้าทำโครงการฯ ต่อว่า เราเริ่มต้นทำด้วยความคิดที่ว่าเราไม่ได้ลงทุน ก่อนหน้านี้ เราเป็นบริษัทเล็กๆ เริ่มต้นด้วยการไปช่วยโรงเรียนในชนบท สร้างอาคารให้กับโรงเรียนในต่างจังหวัด ทำไปทำมาเรารู้สึกว่าการสร้างอาคารน่าจะเป็นหน้าที่ของรัฐ เราเลยเปลี่ยนมาสร้างคน ซึ่งเด็กยากจนแล้วจะเรียนดีคงเป็นไปได้ยาก ไหนจะต้องช่วยพ่อแม่ทำงาน พ่อแม่ก็มีการศึกษาน้อย ช่วยสอนลูกไม่ได้ เราเลยตั้งกติกาว่าเอาเด็กยากจน โดยมีข้อแม้ว่าเรียนแล้วต้องดีขึ้น
“สิ่งที่เราทำไปเป็นการตอบแทนให้กับสังคม ทั้งในแง่ส่วนตัวที่เราได้รับการศึกษามา จากเงินภาษี กำไรที่บริษัทได้มาก็มาจากการทำมาหากิน การที่ประชาชนช่วยซื้อของของเรา ส่วนนี้ก็ควรจะเป็นส่วนหนึ่งที่เราคืนให้กับสังคม เพราะฉะนั้นเราไม่ได้คิดเลยว่านี่เป็นการลงทุนของบริษัทเพื่อหาผลประโยชน์อะไร”
คุณสงวนศรี สุทธิพงษ์ชัย กล่าวว่า บริษัทไม่ใช่ผู้ที่จะได้ประโยชน์ ผู้ที่ได้ทั้งหมดคือนักเรียนทุน ที่เขาจะเป็นคนไปช่วยเหลือผู้อื่นต่อ หากในวันเริ่มต้นเราคิดว่าทำงานชิ้นนี้เพราะอยากจะได้อะไร สิ่งนั้นไม่ได้อยู่ในปณิธานของเรา เพราะฉะนั้นวันที่เราตัดสินใจทำโครงการนี้ เราต้องขอบคุณที่สุดคือคณะกรรมการที่ปรึกษาชุดแรก เพราะหากเราไม่มีทีมนี้ เราจะไม่มีวันนี้ เพราะเรามองไม่เห็นภาพของเด็กยากจน ทุกๆ ท่านคือผู้ที่บอกเราว่าเด็กที่ต้องการโอกาสเหล่านี้อยู่ที่ไหน
ผศ.ดร.อดิศร จันทรสุข เล่าถึงการผนึกกำลังทำงานด้านการศึกษาร่วมกับกรุงไทยการไฟฟ้าว่า เราเห็นความสำคัญของปัญหาการศึกษาในบ้านเรา ซึ่งทุกคนที่เข้ามาเกี่ยวข้องจะพบว่ามันมีข้อติดขัดบางประการ และปัจจัยสำคัญหนึ่งที่เป็นปัญหาของการศึกษาคือเรื่องของ ‘ครู’ ทุกวันนี้ครูต้องเผชิญกับภาระรับผิดชอบมากมาย จนทำให้เวลาที่จะให้กับนักเรียนในชั้นมีน้อยลง กระบวนการในการพัฒนาศักยภาพครูก็เริ่มมีปัญหา ครูเองก็เริ่มตามไม่ทันกับการเปลี่ยนแปลงของสังคม รวมทั้งเราพบว่ามีนักเรียนที่หลุดออกจากระบบจำนวนมาก ขาดโอกาสในการที่จะได้เรียนรู้ เพราะฉะนั้นสิ่งที่โครงการก่อการครูทำมาตลอด 5-6 ปี คือเราทำงานกับครู พัฒนาศักยภาพครู สร้างเครือข่ายของครูที่เขาอยู่ในพื้นที่ ในบริบทต่างๆ เพื่อให้เขาสามารถทำงานร่วมกัน และพัฒนาในพื้นที่ของเขาเอง ให้สามารถจัดการเรียนรู้ให้กับเด็กทั้งที่อยู่ในระบบและนอกระบบได้
“ปัญหาของบ้านเราหลายๆ ครั้งเรามองแค่เรื่องที่เด็กขาดโอกาสทางการศึกษา แต่ปัญหาอีกประการหนึ่งที่สำคัญ คือ การขาดโอกาสในการเรียนรู้ หลายๆ ครั้งเราพบว่าเด็กที่แม้กระทั่งอยู่ในห้องเรียนเองก็ขาดโอกาสการเรียนรู้ที่ดีจากครูที่มีคุณภาพ จากกระบวนการจัดการเรียนการสอนที่มีคุณภาพ เพราะฉะนั้นไม่ใช่แค่ปัญหาของเด็กชนบทหรือเด็กยากจนเท่านั้น แต่เป็นปัญหาของเด็กทั้งประเทศ จึงเป็นที่มาที่ทางคณะได้ร่วมมือกับกรุงไทยการไฟฟ้า”
อย่างไรก็ตาม ในอนาคตคาดว่าจะเกิดความร่วมมือครั้งสำคัญกับอีกหลายภาคีที่สำคัญของประเทศ อาทิ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางศึกษา ฯลฯ เพื่อให้ครอบคลุมทุกมิติของการสร้าง ‘คน’ คุณภาพ สนับสนุนให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้มีโอกาสพัฒนาเยาวชนในมิติต่างๆ เพื่อให้กลายเป็นทรัพยากรที่สำคัญที่สุดของประเทศต่อไปในอนาคต
#ชาร์ปกรุงไทยการไฟฟ้า #โครงการทุนการศึกษา #เราเชื่อว่าการให้การศึกษาคือการมอบโอกาสทั้งชีวิต #การศึกษา
สร้างภูมิคุ้มกัน ส่งเสริมทักษะการใช้ชีวิต เพื่อเติมเต็มศักยภาพอย่างรอบด้าน สู่การเรียนรู้ที่ไม่มีวันสิ้นสุด ..
ก้าวสู่สองทศวรรษกับการดำเนินงานเพื่อสังคม ด้านการ ให้โอกาสทางการศึกษา เพื่อให้เด็กไทยหลุดพ้นความยากจนอย่างยั่งยืน
อ่านบทความ และข่าวอื่นๆ ได้ที่ :
https://thaicity4social.com/news-2/
Facebook โครงการทุนการศึกษา :
© 2020 ThaiCity4Social. All Rights Reserved.