เริ่มแล้วกิจกรรม The final ค่ายใหญ่ครั้งสุดท้ายของนักเรียนทุนฯ ชาร์ปกรุงไทยการไฟฟ้า
ครั้งสุดท้ายที่ไม่ท้ายสุดกับการรวมตัวของนักเรียนทุนฯ ชาร์ปกรุงไทยการไฟฟ้า
โครงการทุนการศึกษาชาร์ปกรุงไทยการไฟฟ้าได้จัดกิจกรรม “The Final ค่ายใหญ่ครั้งสุดท้าย” ระหว่างวันที่ 14-18 พฤศจิกายน 2567 ในปีนี้นับเป็นความต่อเนื่องของวิสัยทัศน์ผู้บริหารโครงการทุนการศึกษาฯ ที่เห็นความสำคัญของปัญหาสุขภาวะภายในของเยาวชนไทย จึงเลือกเฟ้นวิทยากรที่มาช่วยเหลือสุขภาพจิตของนักเรียนทุนฯ โดยมีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิตของวัยรุ่น ผู้เชี่ยวชาญด้านการฟื้นฟูและรักษาจิตใจ และให้ความสำคัญของการใช้หลักธรรม สอดแทรกในกิจกรรมของค่ายโดยพระวิทยากร รวมทั้งยังคงมีวิทยากรมะขามป้อม มูลนิธิสื่อชาวบ้านที่ทำงานด้านการพัฒนาเยาวชน มาเป็นวิทยากรเติมเต็มให้กับนักเรียนทุนฯ อย่างรอบด้าน
กิจกรรมวันแรก วันที่ 14 พ.ย. 2567 พี่ ๆ วิทยากรมะขามป้อมพาน้อง ๆ ละลายพฤติกรรม ละลายความเหน็ดเหนื่อยจากการเดินทาง เล่นเกมกันแบบเบา ๆ กระชับความสัมพันธ์ ชวนกันร้องเพลงสื่อสารแสดงท่าทางความรู้สึกภาพความทรงจำที่มีต่อกิจกรรมค่ายที่ผ่านมาที่อยากบอกกับเพื่อน ๆ โครงการทุนฯ และร่วมกันกำหนดกติกาการอยู่ร่วมกัน
ช่วงค่ำ ชวนกันดูแลภายใน กายใจกันและกัน สร้างบลาลานซ์ สำรวจตัวเอง และสำรวจเส้นทางเดินของตัวเอง และแลกเปลี่ยนประสบการณ์ “อันนี้ดี อันนี้ต้องระวัง” รวมถึงเทคนิคต่าง ๆ ที่อยากแนะนำหรืออยากเตือนกันและกัน ทั้งเรื่องสุขภาพ การพักผ่อน ความสัมพันธ์ ความรู้สึกรับผิดชอบต่อสังคม จัดการเงินหมุน เงินออม การเรียนรู้การเติบโต
และชวนกันแยกกลุ่มย่อยตามชั้นปี พูดคุยกันในหัวข้อ “อะไรคือโจทย์ความท้าทางของชีวิตในปีถัดไป” ซึ่งน้อง ๆ ได้ร่วมกันพูดคุยอย่างสนุกสนาน ชวนตั้งเป้าหมายความคาดหวังคุณภาพชีวิตในแง่มุมต่าง ๆ ทั้งเรื่องการเรียน ครอบครัว ความรัก และการรับผิดชอบต่อตัวเองและสังคม
ถือได้ว่ากิจกรรมโดยรวมของวันนี้ น้อง ๆ ได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์ซึ่งกันและกันทั้งในภาพใหญ่ และภาพย่อยของชีวิต เป็นการเปิดโอกาสที่ดี เปิดรับความคิดเห็นประสบการณ์ที่แตกต่าง ให้ทุกคนได้เติบโตทั้งกาย ใจ อารมณ์ และสังคม
ช่วงค่ำของวันที่ 15 พ.ย. 2567 พี่กิต มะขามป้อมได้ชวนนักเรียนทุนฯ เรียนรู้เรื่องเครื่องมือทางการเงิน ว่าแต่ละเครื่องมือมันมีประโยชน์ และโทษอย่างไรบ้าง เปิดเงินเดือนเด็กจบใหม่
ชวนกันเล่นเกมแนะนำเรื่องการประเมินศักยภาพความสามารถที่เหมาะสมกับเงินเดือนของตัวเอง รวมถึงสอนการคิดคำนวนดอกเบี้ยต่าง ๆ เปรียบเทียบดอกเบี้ยของใช้ในชีวิตประจำวัน
เพื่อในน้อง ๆ ได้เอาไปใช้วางแผนการเงินของตัวเองได้อย่างสมดุล และไม่ให้เป็นภาระให้เกิดหนี้ภายหลัง
วันที่ 16 พ.ย. 2567 อีกหนึ่งวันของกิจกรรมที่โครงการทุนฯ ได้จัดขึ้นในรูปแบบการสอดแทรกธรรมะ "Play and Learn เพลินธรรม" โดยมีคณะพระวิทยากรนำกิจกรรม ได้แก่ พระครูสังฆรักษ์ปัญญา วรปญฺญาเมธี (วัดระฆังโฆสิตารามวรมหาวิหาร กรุงเทพฯ), พระวชิระ สุปภาโส (วัดเทวีวรญาติ กรุงเทพฯ) และพระคำ วชิรวํโส (วัดนาคกลางวรวิหาร กรุงเทพฯ) พระอาจารย์ถ่ายทอดธรรมะผ่านกิจกรรมในหัวข้อ “รู้โลก รู้ธรรม รู้นำธรรมไปใช้” พร้อมด้วยคำสอนว่า "รู้ไว้ใช่ว่าใส่บ่าแบกหาม" เพื่อให้ผู้เข้าร่วมตระหนักถึงความสำคัญของการรับฟังที่แท้จริง พระอาจารย์ได้กล่าวว่า “ผู้ฟังมากย่อมมีปัญญามาก ผู้ฟังน้อยย่อมมีปัญญาน้อย” การรับฟังที่ดีควรเปิดใจให้ผู้อื่นได้พูดในสิ่งที่เขาอยากถ่ายทอด มากกว่าการกำหนดให้เขาพูดเพียงสิ่งที่เราต้องการฟัง ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญต่อการอยู่ร่วมกันในสังคมอย่างราบรื่น
นอกจากนี้ พระอาจารย์ยังให้นักเรียนทุนฯ ได้เปิดโอกาสถามคำถามเกี่ยวกับเรื่องศาสนา ความเชื่อ และธรรมะ และเน้นย้ำถึงความสำคัญของ สัมปชัญญะ ซึ่งหมายถึงความรู้ตัวในขณะทำ พูด หรือคิด โดยเป็นธรรมที่เกื้อหนุนสติและปัญญาภาวนา การพัฒนาปัญญาผ่านการรู้เท่าทันโลกและความจริงจะช่วยให้นักเรียนทุนฯ เข้าใจตนเองและสิ่งรอบตัวได้ลึกซึ้ง การฝึกสัมปชัญญะควบคู่กับปัญญาญาณจึงเป็นกระบวนการสำคัญที่นำไปสู่ชีวิตที่สมดุล มีสติในทุกการกระทำ และสามารถมองเห็นความจริงของชีวิตได้อย่างชัดเจน
ช่วงค่ำของวันที่ 16 พ.ย. 2567 พี่ ๆ มะขามป้อมชวนพี่น้อง คุณธนัญธร เปรมใจชื่น จาก Seven Presents มาช่วยฮีลใจและแนะนำน้อง ๆ นักเรียนทุนฯ เรื่องการค้นพบและยอมรับตัวตนที่แท้จริงของตัวเอง ตระหนักถึงจุดอ่อนและตัวตนที่เรามักเก็บซ่อนหรือปฏิเสธ แม้ว่าจะพยายามปิดบัง แต่จุดอ่อนเหล่านั้นมักสะท้อนออกมาในชีวิตเราอย่างไม่รู้ตัว การเรียนรู้ที่จะเปิดเผยและยอมรับตัวตนที่แท้จริงเป็นกุญแจสำคัญในการสร้างความเข้าใจและความมั่นคงในตัวเองซึ่งช่วยให้เราผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากและเห็นคุณค่าในตัวเอง "ความกลัวและความไม่มั่นใจในตัวตนมักเกิดจากมาตรฐานหรือความคาดหวังที่เราตั้งไว้สูงเกินไปหรือถูกกำหนดจากสังคม"
การตั้งคำถามว่า “เราคือใคร” และ “อะไรที่ทำให้เรามีความสุข” เป็นจุดเริ่มต้นของการค้นพบความหมายในชีวิต และป้องกันไม่ให้เราสูญเสียตัวตนไปเพราะความสำเร็จในด้านใดด้านหนึ่ง การลองทำสิ่งใหม่ ๆ หรือเปลี่ยนแปลงแนวคิดที่ยึดติด สามารถช่วยให้เราเข้าใจตัวเองลึกซึ้งขึ้นและค้นพบศักยภาพที่แท้จริง
รวมถึงช่วยแนะนำน้อง ๆ ให้รู้จักและเข้าใจความรู้สึกของตัวเอง ซึ่งเป็นกระบวนการสำคัญที่ช่วยพัฒนาทั้งความคิดและการจัดการอารมณ์ของเรา การระบุและตั้งคำถามเกี่ยวกับความรู้สึกช่วยให้เรามองเห็นสาเหตุและผลกระทบของอารมณ์นั้นๆ ได้ชัดเจนขึ้น ซึ่งส่งเสริมให้เราจัดการกับความเครียดและสร้างความสัมพันธ์ที่ดีขึ้นทั้งกับตัวเองและผู้อื่น
นอกจากนี้ การขยายขอบเขตความเข้าใจในความรู้สึกยังช่วยให้เรามีทักษะในการตอบสนองต่อสถานการณ์ที่ซับซ้อนในชีวิตได้อย่างเหมาะสมและเปิดโอกาสให้เราเติบโตในมิติใหม่ๆ อย่างมีความหมาย ท้ายที่สุดการยอมรับและเข้าใจตัวเองอย่างแท้จริงต้องผ่านกระบวนการลองผิดลองถูกและขัดเกลา ซึ่งจะนำพาเราไปสู่การเปลี่ยนแปลงและการเติบโตที่มีคุณภาพ เมื่อเรามีโอกาสเลือกและตัดสินใจในสิ่งที่ตรงกับตัวตนของเราเอง จะช่วยให้ชีวิตมีความหมายมากขึ้น และเชื่อมโยงกับผู้คนรอบข้างได้อย่างแท้จริง
17 พ.ย. 2567 กิจกรรมช่วงเช้า โครงการทุนฯ ยังคงเน้นเรื่องการดูแลจิตใจนักเรียนทุนฯ ในโลกที่หมุนไปอย่างรวดเร็วนี้ โดยได้รับเกียรติจาก พี่ ๆ เพจ Understand : ห้องนั่งเล่นของหัวใจ นำโดย ผศ.นพ.สมบูรณ์ หทัยอยู่สุข ,คุณแกมแก้ว โบษกรนัฏ คุณกุณฑลีพร ศรีจันทร์ ที่มาชวนน้อง ๆ ทำความรู้จักอารมณ์ และระบบร่างกายที่แสดงออกมาจากสมองแบบอัตโนมัติ ทำให้เราแสดงอาการออกมาแบบไม่ตั้งตัว เรียนรู้อารมณ์ตัวเอง ที่จะทำร้ายเรา และคนรอบข้าง ทบทวน ตรวจสอบความคิด เพื่อไม่ให้แสดงสิ่งที่ไม่ควรแสดง
นอกจากนี้ ยังชวนกันทำกิจกรรมแสดงละครเป็นกลุ่มเพื่อแสดงอารมณ์โดยที่ไม่ต้องพูดว่ากำลังมีอารมณ์อะไรอยู่ ทำให้น้อง ๆ เห็นว่าการแสดงอารมณ์นั้น บางครั้งก็แสดงออกมาโดยที่ไม่ตั้งใจ และไม่ง่ายเลยว่าจะสื่ออารมณ์ที่อยากจะสื่อ ถ้าเราไม่พูด ไม่สื่อสาร อีกทั้งยังแนะนำเทคนิคฝึกสติ โดยค่อย ๆ เรียบเรียงให้สมองได้ทำงาน แนะนำเทคนิคตั้งหลักตั้งสติมองสิ่งรอบตัวแล้วสัมผัสที่กำลังสัมผัสอยู่ ฟังเสียงที่ได้ยิน ดมกลิ่มที่ได้กลิ่น สูดหายใจ ,เทคนิคการฝึกหายใจแบบกล่อง ,เทคนิค progressive muscle relaxation เทคนิคการจินตนาการเพื่อการผ่อนคลาย, และส่งต่อเครื่องมือ “กล่องปฐมพยาบาลใจ” ให้นักเรียนทุนฯ ได้นำกลับไปใช้ เพื่อดูแลตัวเองเมื่อหัวใจบาดเจ็บ
ในช่วงบ่ายของวันนี้ ศิษย์เก่าและนักเรียนทุนจากทั่วประเทศที่เคยได้รับโอกาสทางการศึกษาจาก โครงการทุนการศึกษา บริษัท กรุงไทยการไฟฟ้า จำกัด ได้ทยอยเดินทางมาร่วมกิจกรรมประจำปีที่เต็มไปด้วยความอบอุ่น หนึ่งในกิจกรรมที่สร้างความประทับใจคือการทำการ์ด "สื่อสารใจถึงใจ" เพื่อส่งถึงคุณศุภชัย และคุณสงวนศรี สุทธิพงษ์ชัย ผู้บริหารโครงการที่นักเรียนทุนเรียกด้วยความเคารพว่า "คุณพ่อคุณแม่" ซึ่งเป็นผู้มอบโอกาสสำคัญทางการศึกษาทั้งในระดับปริญญา และอาชีวศึกษา
ในช่วงค่ำ คุณพ่อคุณแม่เดินทางมาถึงงาน ท่ามกลางการต้อนรับอย่างอบอุ่น และได้ชมการแสดงที่ศิษย์เก่าและนักเรียนทุนฯ ร่วมกันจัดขึ้นอย่างตั้งใจ โดยการแสดงแบ่งเป็น 3 ชุด
เริ่มจากการแสดงประกอบเพลงที่เล่าเรื่องราวของชีวิตนักเรียนทุนฯ ก่อนและหลังได้รับโอกาสจากโครงการทุนฯ ถ่ายทอดความเปลี่ยนแปลงและความหวังในอนาคต ชุดต่อมาเป็นละครเรื่อง
"หมีกากบาท" ที่สื่อสารถึงการค้นหาความสุขท่ามกลางความเจ็บปวดในจิตใจ สุดท้ายจึงพบว่าความสุขที่แท้จริงเกิดจากการยอมรับและเรียนรู้จากบาดแผลของตัวเองปิดท้ายด้วยการแสดง "From Then to the Future" ซึ่งเป็นการแบ่งปันความฝันและเป้าหมายในอนาคตของนักเรียนทุนฯ ถ่ายทอดผ่านวิดีโอที่สร้างสรรค์และตัดต่ออย่างสวยงาม
หลังการแสดงจบลง คุณพ่อคุณแม่ได้พบปะพูดคุยกับนักเรียนทุนทั้งแบบรายบุคคลและรายชั้นปี เป็นช่วงเวลาที่เต็มไปด้วยความใกล้ชิด อบอุ่น และสร้างแรงบันดาลใจ คุณพ่อคุณแม่ได้มอบคำแนะนำสำหรับการดำเนินชีวิตในอนาคต พร้อมของที่ระลึกเป็นพวงกุญแจด้านหนึ่งเป็นสัญลักษณ์ของโครงการ และอีกด้านสลักข้อความจากคุณแม่สงวนศรีว่า "ให้ทำความดีทุก ๆ วัน"
พร้อมทั้งย้ำให้นักเรียนทุนฯ ทำความดีให้เป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวัน
.
นอกจากนี้ คุณพ่อคุณแม่ยังมอบธรรมะ บุญกิริยาวัตถุ 10 ประการ เพื่อเป็นแนวทางดำเนินชีวิต พร้อมของที่ระลึกพิเศษอย่างตุ๊กตาดินปั้นรูปคุณพ่อคุณแม่ ซึ่งแจกให้ศิษย์เก่าและนักเรียนทุนฯ โดยการจับฉลาก กิจกรรมในค่ำคืนนี้จบลงด้วยการถ่ายภาพร่วมกันในบรรยากาศที่สนุกสนานและอบอุ่น สร้างความประทับใจเช่นเดียวกับทุกปีที่ผ่านมา งานครั้งนี้ไม่เพียงสะท้อนถึงความรักและความเคารพต่อคุณพ่อคุณแม่ แต่ยังแสดงให้เห็นถึงความสำเร็จของโครงการที่ได้ช่วยสร้างคนดีและคนเก่งให้แก่สังคมอย่างต่อเนื่อง
กิจกรรมวันสุดท้ายของค่าย โครงการทุนฯ วันที่ 18 พ.ย. 2567 ได้รับเกียรติจากพี่น้อง คุณธนัญธร เปรมใจชื่น จาก Seven Presents มาช่วยฮีลใจและแนะนำน้อง ๆ
ในชีวิตของเรามักจะมีสิ่งที่ค้างคาใจ ไม่ว่าจะเป็นความห่วง ความกังวล ความรัก หรือแม้กระทั่งความเกลียดชัง สิ่งเหล่านี้เป็นเหมือนเงาที่คอยวนเวียนอยู่ในจิตใจ ทำให้เราไม่อาจก้าวไปข้างหน้าได้อย่างเต็มที่ การปลดปล่อยพันธนาการเหล่านี้เป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้เราได้สัมผัสกับความสุขในปัจจุบัน การเปิดใจแสดงออกถึงความรู้สึก หรือระบายสิ่งที่เก็บไว้จะช่วยให้เราหลุดพ้นจากความอึดอัดและเรียนรู้ที่จะอยู่กับชีวิตตรงหน้าอย่างแท้จริง
ชีวิตในช่วงวัยหนุ่มสาวคือช่วงเวลาที่เต็มไปด้วยโอกาสและพลังงาน เราควรทำหัวใจให้เต็มเปี่ยมและฉกฉวยทุกช่วงเวลาที่มีให้เต็มที่ เพราะเมื่อเราได้ใช้เวลาของเราอย่างมีความหมายแล้ว เราจะไม่มีความเสียใจหรือคำว่า "น่าจะทำ" หลงเหลืออยู่ในภายหลัง การใช้ชีวิตอย่างสมบูรณ์ในทุกมิติ ไม่เพียงแค่สร้างความสุขให้กับตัวเองแต่ยังหล่อเลี้ยงจิตใจให้พร้อมรับทุกสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต เราไม่ควรรอให้ใครมาเติมเต็มหรือมอบความเมตตาให้ แต่ควรสร้างแสงสว่างในตัวเอง จงเปล่งประกายออกมา เพราะเมื่อเราส่องแสงอย่างเต็มที่ เราจะดึงดูดสิ่งดี ๆ และผู้คนที่มีพลังบวกเข้ามาในชีวิต ชีวิตที่รู้คุณค่าและใช้อย่างเหมาะสมคือชีวิตที่สร้างความสุขได้อย่างแท้จริง
การพัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่องคือกุญแจสำคัญของชีวิตที่ก้าวหน้า เราต้องอนุญาตให้ตัวเองออกจากข้อจำกัด ยืดหยุ่นกับความเปลี่ยนแปลง และเปิดรับสิ่งใหม่ ๆ เพราะสิ่งเหล่านี้จะเป็นแรงผลักดันที่ช่วยให้เราเติบโต และนำไปสู่อนาคตที่ดีกว่า เราคือผู้เลือกหนทางของชีวิตเราเอง ทุกการตัดสินใจที่ชัดเจนและมีเป้าหมาย จะช่วยให้เราสร้างชีวิตที่เต็มไปด้วยความหมายความรับผิดชอบต่อชีวิตของตัวเองคือหัวใจสำคัญของการเดินทางสู่ความสำเร็จ
นอกจากนี้ ชีวิตยังเป็นเรื่องของการแบ่งปันพลังงานที่ดีให้กับผู้อื่น มองผู้อื่นด้วยสายตาแห่งเมตตา เกื้อหนุนกัน และเป็นครูให้กันและกัน การส่งต่อพลังงานเชิงบวกไม่เพียงแต่สร้างความสุขให้แก่ตัวเราเอง แต่ยังช่วยสร้างสังคมที่น่าอยู่และเปี่ยมด้วยความปรารถนาดี เมื่อเราเรียนรู้ที่จะปลดปล่อยสิ่งที่ฉุดรั้ง ใช้ชีวิตอย่างเต็มที่ เปล่งประกาย พัฒนาตัวเอง และเกื้อหนุนกัน ชีวิตของเราก็จะกลายเป็นชีวิตที่มีความหมายอย่างแท้จริง ทั้งต่อเราเองและต่อคนรอบข้าง
#ชาร์ปกรุงไทยการไฟฟ้า #กรุงไทยการไฟฟ้า
กรุงไทยการไฟฟ้า สนับสนุนนิเวศการเรียนรู้ เพราะทุกพื้นที่เป็นแหล่งเรียนรู้ เพื่อก้าวไปสู่ “การเรียนรู้ตลอดชีวิต”
ก้าวสู่ #สองทศวรรษกับการดำเนินงานเพื่อสังคม ด้านการ #ให้โอกาสทางการศึกษา เพื่อให้เด็กไทยหลุดพ้นความยากจนอย่างยั่งยืน
บริษัท กรุงไทยการไฟฟ้า จำกัด เราเชื่อว่าการให้การศึกษา คือการมอบโอกาสทั้งชีวิต
.
© 2020 ThaiCity4Social. All Rights Reserved.